
ลูกฉิ่ง: ผักเหนาะจากภาคใต้ สรรพคุณมากมาย
ลูกฉิ่งเป็นหนึ่งในผักเหนาะที่ชาวภาคใต้นิยมนำมารับประทานคู่กับอาหารรสเผ็ด เช่น น้ำพริก น้ำชุบโจร แกงไตปลา แกงเคยปลา และขนมจีนน้ำยา เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลูกฉิ่งเป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ MORACEAE มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ficus botryocarpa Miq. ชื่อสามัญ Duea ching และมีชื่อพื้นเมืองหลากหลาย เช่น ชิ้งขาว จิ้งขาว ซิ้ง มะเดื่อซิ้ง และเดื่อฉิ่ง
- ต้น สูงประมาณ 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านมาก เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลอมเขียว
- ใบ เดี่ยว ขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม กว้างประมาณ 5-6 นิ้ว ยาวประมาณ 8 นิ้ว ก้านใบสีแดง หน้าใบเรียบเป็นมัน ขอบใบเรียบ หลังใบมีก้านใบนูน
- ผล ออกตามลำต้นและกิ่งก้าน เป็นช่อ ๆ ละ 5-30 ผล ลักษณะกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 ซม. มีสีเขียว ภายในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีชมพูอ่อน
ประโยชน์ด้านอาหาร
ผลอ่อนของลูกฉิ่งมีรสฝาดมัน นิยมรับประทานเป็นผักสดหรือผักเหนาะคู่กับอาหารรสเผ็ด และยังสามารถนำไปประกอบอาหาร เช่น แกงเผ็ด ได้อีกด้วย
สรรพคุณทางยา
- เปลือกต้น มีรสฝาด ใช้รับประทานแก้ท้องร่วง ชะล้างบาดแผล และเป็นยาสมานแผล
- ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้ ช่วยขับพิษ ลดไข้ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล แก้ไข้พิษ กล่อมเสมหะ และบำรุงโลหิต
- ต้นฉิ่ง ใช้เป็นสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย แก้ผดผื่น และอาการแพ้ต่าง ๆ
การขยายพันธุ์
สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งวิธีเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง
ลูกฉิ่งไม่เพียงแต่เป็นผักเหนาะที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แต่ยังมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ทำให้เป็นพืชพื้นบ้านที่มีประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการและการแพทย์แผนไทย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/news/local/1691810